การแช่แข็งอสุจิ (Sperm Freezing) หรือการเก็บรักษาอสุจิ (Sperm cryopreservation) คือการนำเอาเชื้ออสุจิเข้าสู่กระบวนการ การแช่แข็งที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณภาพของอสุจิ ณ เวลานั้นเอาไว้
ดังนั้น ในเพศชายที่เสี่ยงมีภาวะการมีบุตรยาก มีโรคประจำตัวหรือโรคติดต่อร้ายแรงอื่น ๆ และในบางกรณีที่ยังไม่อยากแต่งงานแต่อยากมีบุตรในอนาคต โดยต้องการใช้อสุจิตอนที่ยังอายุน้อยเพื่อคุณภาพที่ดีกว่า การแช่แข็งอสุจิเอาไว้ใช้ในวันที่พร้อม จึงเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของหลายๆคนได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีนี้อสุจิก็ยังคงมีคุณภาพตลอดระยะเวลาที่ทำการแช่แข็ง และสามารถนำมาเข้าสู่กระบวนการ ICSI หรือ IVF ในอนาคตได้
ขั้นตอนในการแช่แข็งอสุจิหรือการเก็บรักษาอสุจิ(Sperm Freezing)
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจสอบประวัติ
- งดมีเพศสัมพันธ์หรืองดหลั่งอสุจิอย่างน้อย 2-3 วัน
- เจาะเลือดตรวจ Screening เบื้องต้น เพื่อคัดกรองภาวะของโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศ ก่อนที่จะหลั่งน้ำเชื้อลงในภาชนะที่ทางคลินิกเตรียมไว้ให้ภายในห้อง
- เข้ามาในห้องพิเศษที่ทางคลินิกเตรียมไว้ เพื่อเก็บน้ำเชื้ออสุจิ
- เเมื่อทำการหลั่งอสุจิเสร็จแล้ว(ปกติอสุจิจะมีปริมาณมากกว่า 15 ล้านตัว/1ซีซี) อสุจิจะถูกส่งตรงไปยังห้องปฏิบัติการน้ำเชื้อ (Andrology Lab) เพื่อทำการตรวจสอบความสมบูรณ์และวิเคราะห์คุณภาพอสุจิ ( Semen Analysis) ในห้องที่ได้มาตรฐาน ปลอดเชื้อ และมีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม พร้อมรอผลเพื่อยืนยันว่าสามารถทำการแช่แข็งได้
- นำอสุจิใส่สารป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็ง โดยใช้น้ำยา Cryoprotectant ที่มีความเข้มข้น เพื่อให้อสุจิคงสภาพที่สมบูรณ์และไม่ถูกทำลาย
- ทำการแช่แข็งด้วยวิธี vitrification โดยการลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วและนำอสุจิไปเก็บไว้ในถังไนโตรเจนเหลวที่ -196 องศาเซลเซียส เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว และรอเวลานำออกมาใช้ในอนาคต
วิธีการแช่แข็งอสุจิหรือการเก็บรักษาอสุจิ(Sperm Freezing)จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที/บุคคล โดยจะสามารถเก็บอสุจิไว้ได้นานมากกว่า 20 ปี และเก็บไว้ได้ตลอดไปเท่าที่ยังมีไนโตรเจนเหลวแช่แข็งอยู่ โดยที่คุณภาพไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอสุจิที่เก็บไว้นี้สามารถใช้ในการรักษาภาวะปัญหาด้านการเจริญพันธุ์ต่าง ๆ ในอนาคตได้
ผลจากการนำอสุจิแช่แข็ง(Sperm Freezing) มาใช้ เป็นอย่างไร?
ผลของการละลายอสุจิแช่แข็งและนำมาใช้นั้น พบว่าอัตราการอยู่รอดหลังจากละลายอสุจิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านของเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์(Assisted Reproductive Technology: ART) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ถึงแม้ว่าจะเก็บรักษาเชื้ออสุจิไว้นานมากกว่า 20 ปี เมื่อนำเอาอสุจิที่ทำการแช่แข็งไว้ไปใช้ ยังคงปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ และทารกที่เกิดจากการใช้อสุจิที่ผ่านการแช่แข็งไม่มีความแตกต่างจากทารกที่เกิดจากวิธีธรรมชาติเลย ทั้งในด้านน้ำหนักแรกคลอด ไม่พบความพิการ หรือความผิดปกติของโครโมโซม (Chromosome) ด้วยเช่นกัน
เพศชายที่มีปัญหาด้านใดที่ควรทำการแช่แข็งอสุจิหรือการเก็บรักษาอสุจิ (Sperm Freezing)
- คู่สมรสที่เข้ารับการรักษามีบุตรยากที่ฝ่ายชายมีปัญหาเก็บน้ำเชื้อได้ยาก หรือไม่สามารถเก็บน้ำเชื้อได้ภายในวันที่ฝ่ายหญิงมีการเก็บไข่หรือนัดมาฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก
- ต้องการเก็บอสุจิไว้ เพื่อป้องกันการมีโรคแทรกซ้อนบางชนิดในอนาคตที่ส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิ
- ผู้ที่ยังไม่อยากมีคู่สมรส แต่อยากมีบุตรในอนาคต โดยต้องการใช้อสุจิตอนที่ยังอายุน้อยเพื่อคุณภาพที่ดีกว่า
- คนไข้ที่ต้องการรักษาภาวะมีบุตรยาก แต่ไม่สามารถมาที่คลินิกได้ ในวันที่ฝ่ายหญิงทำการเก็บไข่
- คนไข้ที่ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็ง และต้องเข้ารับการฉายแสงหรือได้รับยาเคมีบำบัด ซึ่งส่งผลต่ออสุจิและระบบสืบพันธุ์ จึงจำเป็นต้องแช่แข็งอสุจิไว้ ในกรณีที่ต้องการมีบุตรในอนาคต