เป็นเทคโนโลยีการเก็บรักษาตัวอ่อนที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยวิธีนี้เป็นการนำเอาตัวอ่อนที่ได้รับการปฏิสนธิระหว่างไข่ที่สมบูรณ์กับอสุจิที่แข็งแรงและนำมาทำการเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการจนถึงระยะที่เหมาะสมและเติบโตได้ดีหรือที่เรียกว่าระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst) แล้วจึงนำมาทำการแช่แข็งเก็บไว้ เพื่อรอเวลาย้ายตัวอ่อนกลับสู่โพรงมดลูกฝ่ายหญิงและเตรียมพร้อมที่จะตั้งครรภ์ต่อไป
ขั้นตอนการแช่แข็งตัวอ่อน
การเก็บรักษาตัวอ่อนโดยวิธีการแช่แข็ง (Embryo Cryopreservation) เป็นกรรมวิธีที่ปลอดภัยกับตัวอ่อนอย่างมาก ซึ่งมีกระบวนการ ดังนี้
- ทีมแพทย์ได้ให้ยาเพื่อกระตุ้นไข่และนำไข่ออกมาจากรังไข่ของฝ่ายหญิง
- นำอสุจิของฝ่ายชายมาใส่ในภาชนะที่ทางทีมแพทย์เตรียมไว้ให้ (อาจจะได้จากรอบสดหรือรอบแช่แข็ง)
- นำเชื้ออสุจิและไข่มาปฏิสนธิกัน แล้วนำมาผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ปลอดเชื้อ มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม จนได้ตัวอ่อนที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด
- นำเอาตัวอ่อนที่ได้มาใส่สารป้องกันการเกิด Ice Crystal หรือผลึกน้ำแข็งและใช้น้ำยา Cryoprotectant ที่มีความเข้มข้นเหมาะสม เพื่อให้ตัวอ่อนคงสภาพที่สมบูรณ์และมีอัตราการรอดของตัวอ่อนสูงขึ้นกว่าปกติ
- นำตัวอ่อนไปเก็บไว้ในถังไนโตรเจนเหลวที่ -196 องศาเซลเซียส และรอเวลาย้ายตัวอ่อนกลับสู่โพรงมดลูกฝ่ายหญิง เพื่อเตรียมพร้อมที่จะตั้งครรภ์ต่อไป
การแช่แข็งตัวอ่อนมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
– สามารถเก็บรักษาตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีที่เหลือจากการทำเด็กหลอดแก้วมาแช่แข็งเก็บไว้ เพื่อนำมาใช้ย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกในรอบถัดไป ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ในรอบแรกโดยที่ไม่ต้องกระตุ้นและเก็บไข่ใหม่อีกครั้ง หรือเพื่อนำมาใช้ในวันที่พร้อมในอนาคต
– ตัวอ่อนที่ทำการเก็บแช่แข็งไว้นั้น สามารถเก็บไว้ได้นานมากกว่า 5-10 ปี
การแช่แข็งตัวอ่อนมีผลกระทบกับทารกในอนาคตหรือไม่ ?
การเก็บรักษาตัวอ่อนโดยวิธีการแช่แข็ง (Embryo Cryopreservation) จะดำเนินการโดยนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญภายในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน และผ่านกระบวนการที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ของการแช่แข็งตัวอ่อนที่มีประสิทธิภาพ และความผิดปกติของทารกที่ได้จากการละลายตัวอ่อนที่ทำการแช่แข็งไว้นั้นจะมีน้อยมาก